แปะลิ้ม จอมมหาภัย(หรือมหาปลัยก็ไม่ทราบ)
คดีแปะลิ้ม กับพวกรวม 3 คน ถูกอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นโจทก์ฟ้อง ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ “ใช้เวลาพิจารณา 17 ปี” (2539 – 2557) เป็
คดีเกิดช่วง เมษายน 2539 - มีนาคม 2540 เขากับกับพวกซึ่งเป็นกรรมการแก็งค์สภาท่าพระเสาร์ ได้ร่วมกันทำสำเนารายงานการประชุม “ ของกรรมการฯ ที่เป็นเท็จ “...ทำปลอม เมคขึ้นมาเองว่างั้นเถอะ เพื่อค้ำประกันเงินกู้ให้กับบริษัทในเครืออีกที่หนึ่ง ที่มีแปะลิ้ม เป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 1,078 ล้านบาท กับธนาคารของรัฐ
โดยไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เพื่อหลอกลวงให้ผู้ถือหุ้นของ บริษัทสภาท่าพระเสาร์
ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว
เป็นในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3) , 313 และแปะลิ้มกับพวก ได้ " รับสารภาพในชั้นศาล ว่า กระทำผิดจริงๆ ตามฟ้อง" (โกงจริง ) ศาลอุธรณ์ จึงตัดสินเขา และพวก ให้ถูกจำคุกให้มีความผิด รวม 17 กระทง
เพราะว่าเขาและพวก ปลอมมโนเอกสาร กระทำความผิดกฎหมายซ้ำๆ กันถึง 17 ครั้ง ศาลจึงลงโทษ กระทงละ 5 ปี (กฎหมายกำหนดโทษขั้นต่ำ 5 ปี ต่อกระทำผิด 1 ครั้ง) แต่เขาดันฉ้อโกง กระผิดตั้ง 17 ครั้ง โทษจึงต้องคูณไป 17 x 5 ปี จึงรวมมากถึง 85 ปี แต่ศาลอุธรณ์เมตตาให้รับโทษสูงสุดแค่ 20 ปีเท่านั้น ถือว่าศาลเมตตามาก
ขนาดรับสารภาพ แต่สามารถถ่วงคดีได้นานสุดๆ จนคดีเพิ่งถึงแค่ชั้นอุธรณ์ แต่ใช้เวลาผ่านมาถึง 17 ปีแล้ว เขาและพวก ถูกควบคุมในเรือนจำจริงๆ นานแค่ 18 วันเท่านั้น ถัดมา ศาลฎีกา อนุญาตให้ประกันตัว เขาและพวกคนละ 12 ล้านบาท เพราะมีอัตราโทษสูง
คดีนี้ผู้ต้องหา “ปลอมเอกสาร” แต่สามารถสู้คดีในชั้นศาลฎีกาได้ไปอีกหลายปี จนลืมไปเลยก็ได้ และดูแล้วก็คงเกิน 20 ปี นับจากวันกระทำผิดด้วยซ้ำ ถือว่ายาวนานเป็นประวัติการณ์คดีหนึ่งทีเดียว ถ้าเป็นคนไม่มีเงินสู้คดี คงไม่นานขนาดนี้ .... เครดิต : แฉความจริง
เป็นในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311, 312 (1) (2) (3) , 313 และแปะลิ้มกับพวก ได้ " รับสารภาพในชั้นศาล ว่า กระทำผิดจริงๆ ตามฟ้อง" (โกงจริง ) ศาลอุธรณ์ จึงตัดสินเขา และพวก ให้ถูกจำคุกให้มีความผิด รวม 17 กระทง
เพราะว่าเขาและพวก ปลอมมโนเอกสาร กระทำความผิดกฎหมายซ้ำๆ กันถึง 17 ครั้ง ศาลจึงลงโทษ กระทงละ 5 ปี (กฎหมายกำหนดโทษขั้นต่ำ 5 ปี ต่อกระทำผิด 1 ครั้ง) แต่เขาดันฉ้อโกง กระผิดตั้ง 17 ครั้ง โทษจึงต้องคูณไป 17 x 5 ปี จึงรวมมากถึง 85 ปี แต่ศาลอุธรณ์เมตตาให้รับโทษสูงสุดแค่ 20 ปีเท่านั้น ถือว่าศาลเมตตามาก
ขนาดรับสารภาพ แต่สามารถถ่วงคดีได้นานสุดๆ จนคดีเพิ่งถึงแค่ชั้นอุธรณ์ แต่ใช้เวลาผ่านมาถึง 17 ปีแล้ว เขาและพวก ถูกควบคุมในเรือนจำจริงๆ นานแค่ 18 วันเท่านั้น ถัดมา ศาลฎีกา อนุญาตให้ประกันตัว เขาและพวกคนละ 12 ล้านบาท เพราะมีอัตราโทษสูง
คดีนี้ผู้ต้องหา “ปลอมเอกสาร” แต่สามารถสู้คดีในชั้นศาลฎีกาได้ไปอีกหลายปี จนลืมไปเลยก็ได้ และดูแล้วก็คงเกิน 20 ปี นับจากวันกระทำผิดด้วยซ้ำ ถือว่ายาวนานเป็นประวัติการณ์คดีหนึ่งทีเดียว ถ้าเป็นคนไม่มีเงินสู้คดี คงไม่นานขนาดนี้ .... เครดิต : แฉความจริง
