หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ย้อนรอยการเมืองไทยจากยุคปชต.ครึ่งใบสู่ยุคธนกิจการเมือง (ตอนที่ 1)



โครงสร้างรอยต่อปชต.ครึ่งใบยุคนายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จนถึงยุคนักเลือกตั้งได้เป็นนายกฯกระทั่งเกิดการรัฐประหาร 2 ครั้ง ในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะเป็นภาพรวมให้เห็นพัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทยว่าจริง ๆ แล้ว เรากำลังก้าวหน้าหรือถอยหลังเพราะมีเผด็จการซ่อนรูปในคราบประชาธิปไตย

ยุคพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี กับวลี “ผมพอแล้ว”

ยุค “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เชื่อกันว่า ปชต.เบ่งบาน เศรษฐกิจเฟื่องฟูก่อนจะเป็นฟองสบู่จนระบบเศรษฐกิจแทบพัง พร้อม ๆ กับบาทบาทของนักการเมืองมูมมามในนาม “บุฟเฟต์คาบิเนต”

รสช.กระทำการรัฐประหาร ยืนยันไม่มีการสืบทอดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้อำนาจทหารได้สัมปทานไทยคมผ่าน พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์

ตั้งอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการเลือกตั้ง

คณะรสช.ตั้งพรรคสามัคคีธรรมหวังใช้นักการเมืองสืบทอดอำนาจ ดัน “พล.อ.สุจินดา คราประยูร” เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

เกิดเหตุพฤษภาทมิฬ ในหลวงทรงคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเรียก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เข้าเฝ้า ตามมาด้วยการลาออกของพล.อ.สุจินดา และ อานันท์ คัมแบ๊ครอบสอง

เกิดการแบ่งแยกระหว่างพรรคเทพและพรรคมาร โดยพรรคการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.สุจินดา ถูกขนานนามว่า “พรรคมาร” 

พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯก่อนจะยุบสภาเพราะพรรคพลังธรรมถอนตัวจากปัญหา สปก. 4-01 โดยในขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามามีบทบาทในพรรคพลังธรรมและเป็น รมว.ต่างประเทศในรัฐบาลชวน แต่ประสบปัญหาถือหุ้นเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ลาออกจากตำแหน่งไป 

จากนั้นได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม เข้าสู่การเมืองเต็มรูปแบบก่อนจะนำไปสู่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่โศกนาฎกรรมของประเทศ ซึ่งวันนี้ความแตกแยกยังดำรงอยู่ และมีวี่แววว่าจะเกิดความรุนแรงทางการเมืองได้ตลอดเวลา จากการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังยึดประโยชน์พี่ชาย รื้อรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พี่ชายพ้นผิดทุกคดีได้ทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านที่ถูกยึดคืน และนิรโทษกรรมให้กับแดงเผาเมือง ซึ่งขึ้นมามีอำนาจ ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก ทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความสูญเสียอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น