หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เปิดข้อมูล “แม้ว” ตัวพ่อจ้องขายสมบัติชาติ รัฐบาลชวน 2 กลายเป็นแพะรับบาป



ในฐานะเป็นสื่อมวลชนก่อนเขียนบทความนี้ ต้องกล่าวคำขอโทษคนไทยทุกคนด้วยสำนึกว่านับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมาสื่อได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นระบบยาวนานมาถึง 15 ปี ในปี 2555 นี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดคนไทยในยุคปัจจุบันจำนวนมากจึงแยกดีชั่วถูกผิดไม่ได้

ตั้งแต่ ครม.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลากไทยไปเป็นทาส IMF เนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาดทางด้านเศรษฐกิจของทั้งรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อรัฐบาลชวน 2 เข้ามาบริหารประเทศก็ต้องปฏิบัติตามพันธะสัญญาที่เป็นมรดกบาปทั้งหมด
ILO NO.1 ทำในสมัยรัฐบาลพล.อ.ชวลิต
ILO NO.2 ทำในระหว่างรอยต่อรัฐบาลพล.อ.ชวลิตและรัฐบาลชวน 2ILO NO.3-11 ทำในสมัยรัฐบาลชวน 2 ที่เข้ามาแก้ไขวิกฤตของชาติ ซึ่งในขณะนั้นมีการปั่นกระแสให้รู้จักกันในนามของ “กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ” ด้วยการโหมกระพือข่าวจากสื่อมวลชนที่หากินกับผลประโยชน์จากกลุ่มบุคคลที่ทำให้ชาติเกิดวิกฤต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญและมีผลอย่างยิ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นคนขายชาติ ทั้งที่เงื่อนไขทั้งหมดทำมาจากสมัยรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ซึ่งต้องขอย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี

และเมื่อตรวจสอบช่วงเวลาที่มีการลงนามใน LOI ฉบับที่ 1 กับ IMF (14 สิงหาคม 2540) ปรากฎว่าทีมงานของรัฐบาลเชาวลิตที่ดำเนินการเรื่องนี้ได้แก่
- นายทนง พิทยะ รมต.คลัง
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เลขาฯ รมต.คลัง
นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ผู้ว่าการ ธปท. ต่อมาทำงานในเครือ SHIN

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ เนื้อหาใน LOI ฉบับที่ 1 ที่ลงนามกันนั้นระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงเสนอกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ (Corporatization Law) ในปีงบประมาณ 2541จึงมีการตั้ง คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) จัดทำ ร่าง พ.ร.บ. ทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งในที่สุก กนร. นี้ก็ได้รับหลักการร่าง พ.ร.บ. ทุนของรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2540 โดยประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ มีชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร


แต่สถานการณ์กลับพลิกหน้ามือไปเป็นฝ่าตีนได้โดยทำให้รัฐบาลชวน 2 กลายเป็นรัฐบาลขายสมบัติชาติ ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดมันเริ่มมาตั้งแต่ยุคพล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องมาตั้งแต่ต้น เรียกว่าฏิบัติตามเงื่อนไขของ IMF ทุกประการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับอันเป็นพันธะที่รัฐบาลชวน 2 ต้องมาปฏิบัติตาม แต่คนทำพังกลับกลายมาเป็นคนตราหน้าคนสร้างบ้านใหม่ว่าเป็นต้นเหตุให้บ้านพัง ก่อนจะเข้ามาเสวยสุขในบ้านที่สร้างเสร็จแล้วจากรัฐบาลชวน 2 อย่างไม่ละอาย


รัฐบาลชวน 2 ในขณะนั้นยังได้วางระบบการเงินที่เข้มแข็งมากขึ้น โดยการแก้ปัญหาทุกอย่างต้องใช้เวลาทำให้คุณชวน ได้สโลแกนติดตัวกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ลบไม่ออกมาถึงทุกวันนี้คือ “ชวนเชื่อช้า” ซึ่งก็ต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเพราะสื่อที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงก็มิได้เข้าใจสภาพการณ์ที่แท้จริงในการแก้ปัญหา แต่เชื่อตามคำบอกเล่าของผู้ที่ต้องการปั่นกระแสให้รัฐบาลชวน 2 เป็นแพะรับบาปในวิกฤตต้มยำกุ้ง

แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ GDP ที่ในปี 2540 ติดลบ 1.4% หนักสุดในปี 2541 ร่วงกราวรูดลงมาติดลบที่ 10.2 % จนกลับมาเป็นบวก 4.2 ในปี 2542 ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชวน 2

ข้อเท็จจริงอีกประการคือ เงินกู้ IMF เป็นเงินกู้แบบ Stand-by ที่มีระยะเวลาเบิกถอน 2 ปี 10 เดือน คือตั้งแต่ สิงหาคม 2540 จนถึงเดือนมิถุนายน 2543 แต่ฐานะดุลการชำระเงินดีขึ้นมาก รัฐบาลไทยในขณะนั้นจึงตัดสินใจไม่เบิกถอนเงินกู้
ตั้งแต่ มิถุนายน 2542 หมายถึง หยุดเบิกถอนก่อนกำหนดถึง 1 ปี

(ข้อมูลจาก ธปท. อยู่ในข้อที่ 7.การให้ความช่วยเหลือของ IMF... สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ http://www.bot.or.th/BOTHomepage/BankAtWork/AboutBOT/InternationalAffairs/InterCentralBank/IMF/8-11-2000-Th-i/imf.htm)

สร้างบ้านจนเสร็จคนเผาบ้านกลับมาเสวยสุขแทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น