หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

อำมาตย์ อำมาตย์ อะไร อะไร ก็ อำมาตย์ !!!!



น้ำท่วมปี 54 ก็อำมาตย์แกล้ง
พรบ. นิรโทษไม่สำเร็จก็ถูกอำมาตย์แกล้ง
พรบ. กู้ 2.2 ล้านไม่ผ่านก็อำมาตย์แกล้ง
ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้เพื่อเอาเงินไปจ่ายชาวนาค่าจำนำข้าว ก็เพราะอำมาตย์แกล้ง
อะไร ๆ ก็อำมาตย์แกล้ง


ขำดี กับคำแก้ตัวซ้ำๆ ซากๆ พวกนี้ คนอะไร(ว่ะ) เกิดมาชาตินี้ มีแต่คนแกล้ง แสดงว่ามันต้องเป็นคนไม่ดีสิ ถึงได้โดนแกล้งตลอดไปเสียทุกตารางนิ้วแบบนี้

จริง ๆ ก็ไม่มีใครแกล้งพวกเขาหรอก เพียงแต่พวกเขาไม่กล้ายอมรับความจริงว่า พวกเขาผิดจริง เพราะถ้าขืนยอมรับออกมา ซวยเลยงานนี้ พวกสาวกที่คลั่งไคล้หนีหายหมด คำพูดแก้ตัวพวกนี้จึงถูกประดิษฐ์เป็นวาทกรรมหลอกควายให้โง่งมงายต่อไป

หลายครั้งที่คนพวกนี้ รู้สึกได้ สัมผัสได้ ว่าถูกหลอก แต่ก็ยังเต็มใจให้เขาหลอก และนี่คือที่มาของการที่ถูกตราหน้าว่า "ควาย" ยิ่งถูกใช้คำ ๆ นี้เรียกมากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นเท่านั้น จนต้องประกาศแยกประเทศกันมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะโดนอำมาตย์แกล้งเอาอีก ฮา

คำว่า "อำมาตย์" ถ้าคิดให้ดีก็ไม่มีอะไรเลย มันเป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน แต่ในความไม่มีตัวตนนั่นแหละ มันมีความหมายแฝงเร้นที่เป็นปริศนาธรรม ที่ต้องทำความเข้าใจ

ในบรรดาพระรัตนตรัย พระพุทธ กับพระสงฆ์ เป็นรูปธรรม มีตัวตนจับต้องได้ แต่พระธรรม(ที่เราท่องกันว่าเป็นคำสั่งสอนของพุทธเจ้า) อันนี้เป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน แต่ความหมายยิ่งใหญ่มาก พระพุทธเจ้าให้ความสำคัญกับพระธรรมนี้มาก พระธรรมเกิดก่อนพระพุทธเจ้า พระธรรมอยู่คู่กับโลกคู่กับจักวาลนี้มานานแล้ว

พระธรรม หรือ ธรรมะ คือเครื่องมือใช้ยกระดับจิตใจของคนให้สูงขึ้น สูงกว่าเดรัจฉาน ใครคนใดที่ยังใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยสัญชาติญาณของความเป็นคน คนผู้นั้นก็ย่อมมีจิตใจต่ำเท่าเดรัจฉาน อย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ กรณีการประเคนถวายของแข็งแก่พระสงฆ์ เป็นต้น

อำมาตย์ กับ ธรรมะ มีความสัพันธ์กันคือ อำมาตย์จะเป็นผู้ใช้ธรรมะเพื่อยุติปัญหาหรือข้อขัดแย้ง หรือที่เรียกว่า ความยุติธรรม เราจึงได้เห็นกันอยู่บ่อยว่า พอควายแพ้คดี ควายก็บอกว่า อำมาตย์แกล้ง ประเทศเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม(สำหรับควาย)ก็แยกอยู่กันไปเลย เป็นต้น

มาถึงตรงนี้ขอนอกเรื่องสักหน่อย ถ้าผมเป็นเจ้าของประเทศ ไอ้ที่พวกควายประกาศจะแบ่งแยกประเทศ ถ้าเป็นผม ผมจะให้มันแยกไปเลยสักสามสี่จังหวัด แล้วให้พวกมันไปอยู่กัน ผมรับประกันได้เลย ไม่เกินห้าปีประชากรของประเทศใหม่ประเทศนี้ต้องไม่มีเหลืออยู่เลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่าพวกมันจะหักหลังเข่นฆ่ากันเอง จนตายไปเกือบหมด (เราไม่ต้องไปฆ่ามันให้บาปติดตัว) ที่มันต้องหักหลังเข่นฆ่าก็เพราะ สันดานโจร ไม่เคยยอมใคร ไม่เคยทำอะไรผิด โกหกเป็นสันดาน รวมทั้งไม่เคารพกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การฆ่ากันเอง พอมันฆ่ากันไปสักพัก ตายเกือบหมด เราค่อยไปยึดประเทศมันกลับมาเป็นแผ่นดินของเราใหม่อีก ถ้าทำได้แบบนี้ก็น่าจะดี ฮา

เอาล่ะ ทีนี้มาต่อเรื่องอำมาตย์ ขอสรุปสั้นๆว่า อำมาตย์ คือกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด โจรเมื่อถูกจับมาขึ้นศาล แล้วถูกศาลสั่งจำคุก มันก็แหงล่ะว่า โจรถูกอำมาตย์แกล้ง ทั้งที่จริงแล้ว ธรรมะกำลังทำงานให้เกิดการยุติปัญหาต่างหาก ลองถ้าคิดว่าถ้าศาลปล่อยตัวโจรกลับไป ปัญหามันก็ไม่จบ ธรรมะเพื่อความยุติก็ไม่สามารถทำงานได้

ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรมฉันใด อำมาตย์ก็จะแสดงพลานุภาพต่อโจรชั่วฉันนั้น

ดังนั้น ที่ชอบพูดว่าอำมาตย์แกล้ง ก็เพราะตัวเองไม่ใช่ผู้ประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ในครรลองแห่งธรรมะนั้นต่างหาก ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตัวอยู่ในครรลองแห่งธรรมะก็คือ โจร นั่นเอง โจรย่อมไม่มีธรรมะ โจรย่อมไม่เคารพกฎหมาย โจรย่อมถูกความยุติธรรมเล่นงาน และโจรย่อมแก้ตัวว่าอำมาตย์กลั่นแกล้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น